วันพฤหัสบดีที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

SHERLOCK HOLMES ตอน ซ้อนกล ฉบับปรับปรุง



เอาตอนหนึ่งของนิยายชุดเชอร์ล็อกมาเรียบเรียงภาษาใหม่ค่ะ

จริงๆหาอ่านได้ แต่เราลืมไปแล้วว่าเล่มไหนของสำนักพิมพ์อัมรินทร์ 55555555555

สำนวนในหนังสือค่อนข้างอ่านยาก  เราเลยเอามาปรับปรุงสำนวนใหม่ค่ะ

เชิญอ่านนนน





Sherlock Holmes
ตอน ซ้อนกล ( The Adventure of Dying Detective)
เรียบเรียงสำนวนใหม่โดย  AMANO
ระวัง!! บางคำก็ดัดแปลงนิดหน่อยเพื่อให้เข้ากับยุคสมัยและการทำความเข้าใจได้ง่าย


คุณนายฮัดสันเจ้าของบ้านเช่าของโฮล์มส์นั้น ผมพูดได้แค่ว่า เธอเป็นหญิงที่ทนทรมานมานาน  ไม่เพียงแต่ชั้นล่างซึ่งเป็นที่อยู่ของเธอจะถูกคนแปลกหน้าเดินเข้าเดินออกอย่างไม่เลือกเวลา  แถมคนเช่าของเธอก็ยังเป็นคนที่มีความเป็นอยู่แบบไม่ปกติเหมือนคนอื่นเขา (ผมหมายถึงเพื่อนผมนั่นแหล่ะ)  ซึ่งแต่ละอย่างนั้นก็เช่น ความไม่มีระเบียบก็ดี  การเล่นดนตรียามวิกาลก็ดี (ไอ้บ้า)   การฝึกยิงปืนในบ้านก็ดี (เพื่อ?) การทดลองเคมีที่แต่ละทีก็ส่งกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ต่อระบบประสาทก็ดี  ตลอดจนคู่อริและอะไรก็ตามที่หมายปองชีวิตเขาก็ดี  เมื่อทั้งหมดมารวมกันก็เลยกลายเป็นว่า เขาเป็นคนเช่าห้องที่
บ้าบอที่สุดในลอนดอนเห็นจะได้  แต่มองอีกมุมหนึ่ง เขาก็เป็นคนที่จ่ายค่าเช่าได้งามทีเดียว  ตลอดเวลาที่ผมอยู่กับเขานั้น ผมคิดได้ว่า ถ้าเขาเอาค่าเช่าไปรวมกัน เราแทบจะซื้อบ้านใหม่สวยๆได้เลยล่ะ


          ในทางคุณนายฮัดสันเจ้าของบ้านนั้นก็แสนจะเกรงใจเขา  ไม่กล้ามาติเตียนอะไรถึงแม้ว่าพฤติกรรมของเขาจะดูแล้วแปลกประหลาดสักเท่าใด  แกกลับชอบเสียอีก   ด้วยความที่โฮล์มส์นั้นเป็นผู้ที่มีความสุภาพและละเมียดละไมในการพูดคุยกับสุภาพสตรีมากขั้นเทพ     เขาไม่ชอบและไม่ไว้ใจผู้หญิงก็จริงอยู่  แต่เขาก็พร้อมที่จะให้ความคุ้มครองสตรีเสมอ  ด้วยเหตุนี้ ในปีที่สองของการออกมาอยู่กับแมรี่  คุณนายฮัดสัน (ซึ่งอยู่ดีๆก็มาที่บ้านผม) ก็มาเคาะประตูและได้เล่าเรื่องของโฮล์มส์เพื่อนรักให้ผมฟังอย่างรีบร้อน


           คุณหมอวัตสันคะ  คุณโฮล์มส์กำลังร่อแร่เต็มทีเจ้าค่ะ   แกทรุดหนักมาสามวันแล้ว อิฉันสงสัยว่าวันนี้จะรอดรึเปล่าก็ไม่ทราบ  แกไม่ยอมให้ดิฉันไปตามหมอค่ะ   เช้านี้ฉันเห็นกระดูกหน้าแกกับดวงตาลึกโหลอย่างชัดเจน       ดิฉันทนไม่ไหวแล้วเจ้าค่ะ  คุณโฮล์มส์   คุณจะอนุญาตรึไม่ก็ตามแต่   ยังไงดิฉันก็จะไปตามหมอเดี๋ยวนี้แหล่ะเจ้าค่ะ’  ดิฉันพูด  ถ้างั้นก็ไปตามวัตสันมา’  แกว่า          คุณหมอวัตสันคะ  รีบไปเถิดเจ้าค่ะ  ดิฉันไม่อยากให้เสียเวลามากกว่านี้แล้ว  ไม่เช่นนั้นคุณอาจไม่ทันได้เห็นแกเป็นครั้งสุดท้ายนะเจ้าคะ


            บอกตามตรงว่าผมรู้สึกตกใจมากเพราะตั้งแต่ที่รู้มาก็แทบไม่เคยได้ยินคำว่าป่วยจากตัวเขาเลย  ไม่ต้องพูดอะไรมากผมก็รีบคว้าเสื้อคลุมกับหมวกมาสวม แล้วขึ้นรถม้า    ระหว่างทางนั้น  ผมก็ได้ถามรายละเอียดจากคุณนายฮัดสันในรถ

            ดิฉันก็ไม่รู้อะไรมากหรอกเจ้าค่ะ   รู้เพียงว่าแกไปสืบเรื่องอยุ่ที่โรเทอร์ไฮท์ตรอกริมแม่น้ำ   พอกลับมาจากงานแกก็หอบเอาไข้กลับมาด้วยเจ้าค่ะ   แต่นอนซมตั้งแต่บ่ายวันพุธแล้วก็ไม่ลุกจากที่นอนเลยตั้งแต่นั้น   สามวันแล้วล่ะค่ะที่ข้าวและน้ำไม่ได้ผ่านลงท้องแกเลย
             “แล้วกัน !!!  ทำไมป้าถึงไม่ไปตามหมอเล่า!!!”
             “แกไม่ยอมเจ้าค่ะ     คุณหมอก็รู้ว่าแกเด็ดขาดขนาดไหน  ดิฉันไม่กล้าขัดคำสั่งแกเจ้าค่ะ  แต่เดี๋ยวคุณหมอได้เห็นแกก็คงจะรู้เองแหล่ะค่ะ

              ภาพที่ผมได้เห็นตรงหน้านั้นเป็นอะไรที่ผมรู้สึกสงสารเพื่อนผมจริงๆ   ภายใต้แสงอันทึมๆของเมฆหมอกในเดือนพฤศจิกานั้น  ทำให้ห้องดูทึบและไม่สว่างไสวเอาซะเลย  แต่ดวงหน้าอันแสนจะอิดโรยและตอบผอมที่มองผมบนเตียงนอนนั่นสิ  ทำให้ผมใจหายวาบ   ดวงตาของเขาบ่งบอกถึงความล้า  แก้มสองข้างแดงระเรื่อ   ริมฝีปากแห้งฝาก  มืออันผอมนั้นวางบนผ้าห่มและกระตุกหน่อยๆ  ส่วนเสียงนั้นก็แหบและพร่า  เขานอนซมอยู่ขณะที่ผมเดินเข้าไปในห้อง
              ไง  วัตสัน   ฉันก็มีอันถึงคราวเคราะห์เหมือนกันนี่นะ   เขาพูดเสียงอ่อน  แต่ท่าทางทำเหมือนไม่กังวลอะไร
              โธ่เอ๋ย.........โฮล์มส์ของฉัน”    ผมพูดขณะที่กำลังสาวเท้าเข้าไปใกล้เขา
              ถอยไป ! ถอยไป ! ”  เขาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง  ซึ่งเป็นเสียงที่ผมเคยได้ยินเฉพาะตอนคับขันเท่านั้น
              ถ้านายขืนเข้ามาใกล้    ฉันจะไล่นายออกจากบ้านเดี๋ยวนี้เลย
              ทำไมกันโฮล์มส์
              “เพราะฉันตั้งใจอย่างนั้นล่ะ    เข้าใจมั้ย?

จริงของคุณนายฮัดสัน  เขาดุและเด็ดขาดยิ่งกว่าแต่ก่อนซะอีก  ถึงกระนั้นแล้ว  การที่ผมเห็นเขาป่วยร่อแร่อย่างนี้ก็ทำให้รู้สึกเห็นใจอยู่
              ฉันก็แค่อยากจะช่วยนาย   ผมบอก
              แน่สิ  นายจะช่วยทำตามที่ฉันบอกได้รึเปล่าล่ะ
              “ให้ทำอะไรฉันยอมทั้งนั้น ”          พูดจบเขาก็คลายความเคร่งครัดลงไปบ้าง
              แกโกรธฉันรึเปล่า”    เขาถาม      โธ่เอ๋ย  ผมจะโกรธเขาได้อย่างไรในเมื่อเห็นเขานอนซมอยู่ต่อหน้าน่ะ
              ฉันห้ามเพราะเป็นห่วงนายหรอกนะ  วัตสัน  
              ห่วงฉัน?
              “ฉันรู้ว่าฉันป่วยเป็นอะไร    โรคกุลีจากสุมาตรา  โรคที่พวกชาวเรือรู้กันดี ว่าเป็นแล้วถึงตายแน่นอน แถมยังเป็นโรคติดต่อด้วย            เขาพูดเสียงสั่นและโบกมือให้ผมไปห่างๆ
              มันติดต่อโดยการสัมผัสน่ะวัตสัน   นั่นล่ะ  ถอยไปห่างๆฉัน  แล้วนายจะไม่เป็นอะไร
              “โธ่โฮล์มส์   นายคิดว่าการที่นายทำแบบนี้แล้วจะกันไม่ให้ฉันเข้าไปหานายได้งั้นหรือ  ถ้าเป็นคนอื่นฉันอาจจะทำ   แต่กับนายน่ะ----”    ผมขยับเข้าไปใกล้   แต่เขามองผมอย่างโกรธเคือง
              ถ้านายยืนอยู่กับที่ล่ะก็ฉันจะพูดด้วย  แต่ถ้านายเข้ามาฉันจะไล่นายออกไปจาก
ห้อง                

หลายครั้งหลายคราที่ผมยอมทำตามที่เขาสั่ง   แต่ตอนนี้วิญญาณในความเป็นหมอของผมได้ตื่นขึ้นมาแล้ว   ต่อให้ผมเป็นทาสเขายังไงก็ตาม   ตอนนี้ผมขอเป็นนายเขาบ้างละ

              โฮล์มส์         นายไม่เป็นตัวของตัวเองเลยนะ  คนป่วยสำหรับฉันก็เหมือนเด็กเล็กๆเท่านั้น  เพราะงั้นฉันจะดูแลนายล่ะ  แม้ว่านายจะไม่ชอบก็ตามที  ”         พูดจบเขาก็มองผมด้วยความขัดเคือง
              ถ้าฉันจำเป็นต้องมีหมอไม่ว่าจะต้องการรึไม่ก็ตาม   อย่างน้อยที่สุดก็ขอให้มีคนที่ฉันไว้ใจได้อยู่กับฉันก็พอ
              “นายไม่ไว้ใจฉันงั้นรึ
              “ในฐานะเพื่อน  ฉันไว้ใจนาย  แต่นายเป็นหมอ  ตามอาชีพนายแล้วนายก็มีความรู้แบบกลางๆเท่านั้น  ฉันเสียใจที่ต้องพูดแบบนี้  แต่นายไม่เปิดทางให้ฉันได้พูดแบบอื่นเลย”             ณ ตอนนั้น ผมรู้สึกเสียใจอย่างที่สุด

              โฮล์มส์  ถ้านายพูดอย่างนี้  ก็แสดงว่านายไม่ไว้ใจฉัน  ถ้าไม่เชื่อใจกัน ฉันก็จะไม่เสนอหน้ามาดูแลนายอีก   แต่ฉันจะไปตามหมอจัสเปอร์ ไม่ก็ หมอเพนโรส หรือคนที่มีความสามารถกว่าฉันมารักษานาย  เป็นอันจบ   และถ้านายคิดว่าฉันจะมองดูนายตายได้ลงคอโดยที่ยังไม่ได้ช่วยอะไรเลยนั้นล่ะก็  นายคิดผิดแล้ว


               “ฉันรู้ว่านายเป็นห่วงฉันนะ วัตสัน   แต่ฉันถามหน่อยเถอะ  นายรู้อะไรเกี่ยวกับไข้ตาปานุลิหรือไข้กาฬฟอร์โมซารึเปล่า

               ไม่เคยแม้แต่จะได้ยินชื่อ   แต่ฉันรู้จักหมอคนหนึ่งที่เก่งเรื่องไข้แปลกๆนี่อยู่  ยังไงก็ตามแต่  ฉันจะไปพาตัวเขามาเดี๋ยวนี้”    


 ว่าแล้วผมก็หันไปทางประตู  แต่ทว่า   ชายที่ร่อแร่ใกล้ตายนั้น  โดดผึงเหมือนเสือเข้ามาขวางผมไว้ทันที   เขาล็อกกลอนและเดินกระเสือกกระสนไปที่เตียง   ล้มลงไปนอนหอบ  หายใจรวยริน


               นายอย่ามาแย่งกุญแจจากฉันซะให้ยาก วัตสัน  นายอยู่นี่แหละ  อยู่กับฉันจนกว่าฉันจะยอมให้นายไป       สิ่งที่นายจะทำ  ฉันรู้ว่านายหวังดี  อันนั้นฉันเข้าใจ  แต่ขอเวลาฉันหน่อยเถอะ  ขอให้ฉันมีแรงสักหน่อยเถอะ  ไม่ใช่ตอนนี้หรอกวัตสัน  ไม่ใช่        ตอนนี้สี่โมงเย็น  หกโมงเย็นนั่นแหละนายถึงจะไปได้
               “นายจะบ้าเหรอโฮล์มส์!! ”
               “แค่สองชั่วโมงเท่านั้นล่ะ วัตสัน  ฉันสัญญาว่าฉันจะปล่อยนายไปตอนหกโมงเย็น นายจะคอยได้มั้ย?
               “ดูเหมือนฉันคงไม่มีทางเลือกสินะ
               “ไม่มีสักนิดเดียว  ขอบใจนะวัตสัน   นายไม่ต้องมาพยาบาลฉันหรอก   อยู่ห่างๆนั่นแหละดี   แล้วฟังคำขอร้องจากฉัน      
               “อือ
               “อ่าฮะ      ค่อยคุยกันง่ายหน่อย  แล้วฉันจะบอกเองล่ะวัตสัน  นายหาหนังสืออะไรนั่งอ่านไปก่อน   ฉันเหนื่อยแล้ว  ฉันสงสัยจริงๆว่าหม้อแปลงจะรู้สึกยังไงตอนที่จ่ายไฟให้กับฉนวนไฟฟ้านั่นน่ะ   หกโมงวัตสัน  แล้วค่อยคุยกัน


 เขาเงียบไป   ผมยืนมองดูร่างที่นอนซมบนเตียงหลายครา   เหมือนว่าจะหลับไปแล้ว  ผมไม่สามารถทำใจให้อ่านหนังสือได้จริงๆ  ผมมองไปรอบๆห้องนอนของเขาที่มีทั้งรูปต่างๆ   แขวนเยอะแยะ  ไปที่เตาผิงก็เห็นจะมีที่ใส่ไปป์สูบยาเส้น  ถุงยาเส้น  เข็มฉีดยากับขวดโคเคน (อีกแล้วรึ)  มีดพก  ปืน  กล่องใส่ลูกปืน และอีกหลายหลากเท่าที่จะมองเห็น   และสายตาก็ไปสะดุดกับกล่องงาช้างที่ขาวดำขนาดพอดีมือ  ในขณะที่ผมกำลังจะเอื้อมไปหยิบมันมาดูใกล้ๆนั้น  เสียงแผดร้องของเขาก็ดังขึ้น

               วางลง ! วางมันลงเดี๋ยวนี้วัตสัน ! ”   ผมวางกล่องนั่นตามที่เขาสั่ง   เขาถอยหายใจและล้มตัวลงนอน
              ฉันไม่ชอบที่จะให้ใครมาแตะต้องของๆฉัน  นายก็รู้นิสัยฉันนี่  พอทีๆๆๆๆๆ  นายช่วยอยู่นิ่งๆทีเถอะ  นายกำลังทำให้ฉันแย่นะวัตสัน

ด้วยความที่โดนดุอย่างไร้เหตุผลทำให้ผมข้องใจเป็นที่สุด  การที่จะมาตวาดแจ๊ดๆอย่างนี้มันไม่ใช่นิสัยของเขาที่แสนจะสุภาพเป็นอย่างมาก  มันทำให้ผมรู้ว่าจิตใจของเขาแย่ลงไปอย่างสุดๆ  ผมนั่งห่อเหี่ยวใจไปจนถึงเวลาเกือบจะหกโมงเย็น  

            นี่  วัตสัน  นายพอจะมีเหรียญเศษๆอยู่บ้างมั้ย
             “มี
             “เหรียญเงินล่ะ
            “เยอะแยะ
            “เท่าไร
            “ประมาณห้าเหรียญ   ถามทำไม
            “นั่นแหละ  นั่นแหละ  เอาใส่กระเป๋าไว้ซะ  กระเป๋ากางเกงขาซ้ายน่ะ  เวลาแกเดินมันจะได้ดีขึ้นบ้าง
     ถ้าเป็นคนอื่นคงคิดว่าไอ้หมอนี่บ้าไปแล้ว    อยู่ๆเขาก็สะดุ้งเฮือก  ทำเสียงไอปนสะอื้น

           จุดไฟตะเกียงทีสิ  อย่าให้มันสว่างนักล่ะ  อ้ะๆ  ไม่ต้องดึงม่านลงมาหรอก  อ้อ!  ช่วยเอากระดาษกับจดหมายวางใกล้ๆฉันบนโต๊ะด้วย   ดีมากวัตสัน  แล้วไอ้กล่องงานั่นน่ะ  เอาปากคีบมาคีบมันแล้ววางไว้กับกระดาษนี่ซะ  วิเศษทีนี้นายไปได้ละ  ไปตามคุณคัลเวอร์ตัน  สมิท  ที่บ้านเลขที่ 13 ถนนโลเออร์เบิร์ก มาให้ฉันที  ”


พูดตามตรง  ผมหมดหวังที่จะไปตามหมอเสียแล้ว  เพราะโฮล์มส์ผู้น่าสงสารคนนี้กำลังเพ้ออยู่ชัดๆ   จนทำให้รู้สึกว่าไม่อยากจะทิ้งเขาไปไหน  แต่ยังไงก็ตามดูเหมือนเขาจะร้อนใจที่อยากจะคุยกับนายคนนี้เสียจริง

            เขาเป็นใครน่ะ   ฉันไม่เห็นจะเคยได้ยินชื่อ”    ผมบอกเขา
            น่าจะไม่เคยอยุ่หรอก    เขาเชี่ยวชาญโรคนี้น่ะ   เป็นชาวไร่ที่เกิดในสุมาตรา  ตอนนี้มาอยู่ในลอนดอน  พอโรคนี้ระบาดในไร่ของเขา  เขาก็ศึกษามันด้วยตนเอง  ที่ฉันรอจนหกโมงก็เพราะเขาไม่ยอมให้ใครไปรบกวนจนกว่าจะหกโมงนั่นล่ะ    ถ้านายพาเขามาได้  เขาจะรักษาฉันได้แน่นอนทีเดียว

ผมฟังที่เขาพูดและเอามาปะติดปะต่อกัน   ปนเสียงไอบ้าง   กระแอมบ้าง  และเมื่อเห็นเขากำหมัดแน่นระหว่างที่พูดแล้ว  เห็นได้ชัดว่าเขาเจ็บปวดเพียงใด  สองชั่วโมงที่ผมอยู่กับเขา  อาการของเขามีแต่จะแย่ลงทุกที  แต่เขาก็ยังคงพยายามจะพูดกับผม  เห็นได้ชัดถึงการเป็นนายตัวเองอย่างแท้จริง


           นายบอกเขาไปว่าฉันมีสภาพอย่างไรตอนนี้  และนายรู้สึกยังไง  ฉันรู้สึกว่าเพ้อบ่อยจริงๆ  อ้า! ใช่ๆ  ในทะเลก็มีหอยนางรมดาษดื่นจริงเชียว  อุดมดีนักล่ะ   เอ๊ะ! นี่ฉันพูดเรื่องอะไรอยู่เนี่ยวัตสัน
            “พูดถึงนายสมิทนั่นไงล่ะ
            “อ้อ !  ใช่แล้ว     ชีวิตของฉันตอนนี้ขึ้นอยู่กับเขาแล้วล่ะ  วัตสัน  ช่วยไปตามเขามาที  เขาไม่ชอบฉันจริงอยุ่เพราะเรื่องหลานเขานั่นล่ะ  ฉันสงสัยถึงการฆาตกรรม  เด็กคนนั้นตายอย่างน่าสงสาร   เขาเลยมาลงกับฉัน  นายช่วยขอร้องหรืออ้อนวอนเขาทีเถอะ  พาเขามาให้ได้ไม่ว่าจะทำยังไง  เขาจะช่วยชีวิตฉันได้
            เพื่อนายแล้วล่ะก็   ฉันจะพาเขามาให้จงได้  แม้ว่าต้องลักพาตัวมาก็ยอม 
            “อย่าให้ถึงขนาดนั้นเลยนะวัตสัน   แค่เกลี้ยกล่อมเขาก็พอ  แล้วขากลับให้นายกลับมาก่อน  ทำยังไงก็ได้ที่จะไม่กลับมาพร้อมเขา อย่าลืมล่ะ  อย่าให้พลาดเชียวนะวัตสัน   ยังไงนายก็ทำได้ใช่ไหมล่ะ   หอยนางรม  หอยนางรม   ในทะเลมีถมเถนั่นไง  โอ้! ”


ผมผละออกมาจากเขา  โฮล์มส์ผู้มีสติปัญญาอันดีเลิศตอนนี้เป็นเพียงเด็กที่พร่ำเพ้อต่างๆนาๆ  เขาส่งกุญแจให้ผม   ผมเดินลงมา  คุณนายฮัดสันรออยุ่หน้าประตูบ้าน  ร้องห่มร้องไห้ตัวสั่นเลยทีเดียว  พอออกพ้นบ้านผมยังได้ยินเสียงโฮล์มส์พร่ำเพ้ออยู่เนืองๆ   ในขณะที่ผมเรียกรถอยู่นั้น  สารวัตรมอร์ตันแห่งสกอตแลนด์ยาร์ดก็ตรงรี่เข้ามาหาผม
             คุณโฮล์มส์เป็นอย่างไรบ้างครับ
             “ป่วยหนักเอาการ”  ผมตอบ       เขามองผมแปลกๆ   แต่ภายใต้แสงไฟริมถนนแล้ว  ผมเห็นสีหน้าเขาออกจะเบิกบานนิดหนึ่ง
            ผมก็ได้ยินอย่างนั้นเหมือนกัน ”     พอรถม้ามาถึง  ผมก็ขอตัวจากไป    ไม่นานนักผมก็มาถึงบ้านของนายสมิท   เป็นบ้านที่ดูภูมิฐานแต่เก่าๆ   มีราวเหล็ก  เมื่อผมยืนหน้าประตูบ้านแล้ว  คนรับใช้ก็ออกมารับผมอย่างสุภาพ
             คุณผู้ชายอยู่ขอรับ   คุณหมอวัตสันรึขอรับ  ได้ขอรับ   ผมจะนำนามบัตรของท่านไปเรียนให้เขาทราบขอรับ”            ไม่นานผมก็ได้ยินเสียงเอะอะจากในบ้าน
             หมอวัตสันเป็นใคร   ต้องการอะไร  แล้วกัน ! สเตเปิล  ฉันบอกหลายทีแล้วไง  ว่าอย่าให้มีใครมากวนเวลาทำงานน่ะ   เอาล่ะ  ฉันไม่อยากพบเขาหรอก  บอกเขาไป  ถ้าเขาอยากจะพบจริงๆให้เขามาพรุ่งนี่เช้าก็แล้วกัน              


ผมได้ยินอย่างนั้น  ก็คิดถึงว่าโฮล์มส์ของผมจะเป็นอย่างไรถ้าเจ้าหมอนี่ไม่ไปตอนนี้   คิดได้อย่างนั้นผมก็สวนคนใช้ของเขาเดินไปยังห้องทำงานอย่างรวดเร็ว                    เขาร้องอย่างเกรี้ยวกราด  ผุดลุกจากเก้าอี้   นัยน์ตาถมึงทึงนั้นจ้องมาที่ผมอย่างขึงขัง 

              อะไรกันเนี่ย   การละลาบละล้วงเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาตแบบนี้หมายความว่าอะไรกัน หา!! ”
              “ผมเสียใจจริงๆครับ   แต่คุณโฮล์มส์น่ะเขา--------”                  แค่เพียงเอ่ยชื่อของเขาออกไป  ชายผู้นี้ก็เปลี่ยนสีหน้าทันที  เขาสำรวมนิดหนึ่งแล้วถามอย่างระวังระไว
              โฮล์มส์ทำไมหรือ  เขาเป็นอะไร
              “เขาป่วยหนักมาก  เพราะงั้นล่ะ  ผมเลยมาที่นี่”        ว่าแล้วผมก็เล่าอาการของเพื่อนรักให้เขาฟัง  สาบานได้เลยว่าแวบหนึ่งที่ผมเห็นหน้าเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มอันเหี้ยมเกรียม  พอผมเล่าจบ  เขาก็ลุกขึ้นทันที
             ถ้าเช่นนั้นรีบไปกันเถอะ
             “เอ่อ..ผมมีนัดรายอื่นอีกน่ะครับ”       ผมอ้างตามที่โฮล์มส์สั่ง
            “อ้อ   เข้าใจล่ะ  งั้นผมจะไปเอง  ผมรู้จักที่อยู่ของโฮล์มส์ดีครับ   คุณวางใจเถอะว่าผมจะไปที่นั่นไม่เกินครึ่งชั่วโมง                   พูดจบผมก็ขอตัวออกมา   แล้วสั่งให้คนขับนั่นแล่นกลับมายังบ้านที่ถนนเบเกอร์โดยด่วนที่สุด   ผมใจชื้นขึ้นบ้างที่เห็นเขาไม่เพ้อแล้ว
            เขาจะมาไหมวัตสัน
            “กำลังมา
            “อ้าเก่งจริงๆ  วัตสัน  นายเป็นคนส่งข่าวที่ดีที่สุดจริงๆ  เอาล่ะ  แกหลบไปได้แล้ว
            “ฉันอยากรอพบเขาสักหน่อยน่ะ
            “ไม่ๆๆๆ   นายหลบล่ะดีแล้ว  ให้ฉันได้คุยกับเขาเหมือนสองต่อสองเถอะ   นายไปหลบอยู่หลังเตียงฉันสิ
            อะไรของนายน่ะโฮล์มส์ !! ”
            “ขอร้องล่ะ  อย่าเพิ่งถามอะไรตอนนี้เลยนะ  ฟังฉันสิ  ฟัง!!  ไม่ว่าจะเกิดอะไร  เข้าใจมั้ย  ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นก็ตาม  อย่าพูด  อย่าออกมา  คอยฟังซะ  นั่น  เขากำลังขึ้นบันไดมา  ไปเร็ว!!  ซ่อนตัวซะ
ผมวิ่งไปหลับหลังเตียงเขา  (ซึ่งมิดตัวผมมาก)   ประตูค่อยๆเปิดออก  ผมเห็นนายสมิทเดินมาที่เตียงของโฮล์มส์  และเขย่าตัวโฮล์มส์ไปมา
            โฮล์มส์    ได้ยินผมไหม โฮล์มส์
            “นั่นคุณหรือ  สมิท”         เขาพูดเสียงแผ่ว
            ใช่ๆ  ผมเอง  คุณรู้นี่ว่าคุณเป็นอะไร  ถึงให้คนไปตามผมน่ะ
            แน่นอนล่ะ   ผมรู้ว่าคุณเป็นคนทำ
            “ใช่แล้วๆ  คุณรู้แล้วนี่  แต่เอาเถอะ  ในเมื่อคุณจะสืบสวนผมต่อนั้น  แต่กลับต้องซมซานให้ผมมาช่วยเนี่ยสิ   จะได้กลับบ้านเก่าแล้วสินะโฮล์มส์  ฮ่าๆๆๆ
            “น้ำ     ขอน้ำผมที  ”   โฮล์มส์พูดเสียงอ่อนแรง
           ในวาระสุดท้าย   ผมจะช่วยเอาน้ำให้คุณละกัน  
           “เอาเถอะ   ผมจะลืมมันไปก็ได้  แต่ขอให้คุณรักษาให้ผมที
           “ลืมอะไรรึ
           “การตายของซาเวจ  หลานชายคุณไงล่ะ   เมื่อครู่คุณยอมรับแล้วนี่ว่าคุณทำ
          “ก็ยอมรับน่ะ   แต่ยังไงก็ตามเมื่อคุณรู้แล้ว  คุณจำได้ใช่มั้ย  กล่องงานั่นน่ะ
          “อ้อ   กล่องงา  จำได้สิ  มันมาเมื่อวันพุธตอนเช้านั่นเอง  โอย

ตอนนั้นผมจำได้ว่าผมต้องอดทนถึงขีดสุดกับการซ่อนตัวหลังเตียงของโฮล์มส์  แต่ก็ได้เห็นเขาเขย่าตัวโฮล์มส์อย่างแรง  ก็เกือบจะทนไม่ไหว  พลันนึกไปถึงคำที่โฮล์มส์สั่งไว้ก็ได้แต่เงียบด้วบความโกรธ

          คุณเปิดมันใช่มั้ย
          “ใช่ๆ  ผมเปิดมัน   แล้วก็มีอะไรที่ขดอยู่เด้งขึ้นมากัดผม   โอยย  เห็นทีผมจะแย่เสียแล้ว
          “แหงละ   มันคืองูพิษเล็กๆตัวหนึ่งนั่นไงเล่าโฮล์มส์  คุณรู้เรื่องซาเวจหลานงี่เง่าของผมมากเกินไป  คุณก็จงตายไปพร้อมกับมันและความจริงนี่ด้วยเถอะ   จากนั้นผมก็จะเอากล่องงานี่ไป  แล้วก็จะไม่มีใครสงสัยอะไรเลย  รวมทั้งหาคนร้ายไม่ได้ด้วย  ฮ่าๆๆ
          “ช่วยอะไรผมทีสิ   แม้ก่อนที่ผมจะตาย”     โฮล์มส์วอนสมิทด้วยท่าทีใกล้ตาย
          ได้   ได้สิ  ไหนๆคุณก็จะกลับบ้านเก่าแล้วนี่นะ   มีอะไรให้ผมช่วยล่ะ   สหาย 




           ขอไม้ขีดไฟกับไปป์ท่าจะดี

ผมเกือบจะร้องออกมาด้วยความยินดีปนกับงงไปตามๆกัน   คาดว่านายสมิทก็เช่นเดียวกัน  โฮล์มส์ยันตัวเองขึ้นนั่งและพูดตามเสียงปกติ

           “นี่มันหมายความว่าอะไร”       นายสมิทพูดระคนตกใจ
           ก็นะ    การแสดงเป็นอะไรที่ผมชอบอยู่แล้วล่ะ   ขอบคุณที่ริมน้ำให้ผมนะคุณสมิท   ข้าวปลาไม่ตกถึงท้องไม่เท่าไร  แต่บุหรี่นี่สิ   ฮ้า...........สุดยอดไปเลย  นี่ล่ะบุหรี่”        ผมได้ยินเสียงโฮล์มส์พูดพลางจุดไม้ขีดแล้วสูบไปป์   เขาทำหน้าเคลิ้ม

           เพื่อนผมมากันแล้วล่ะคุณสมิท
          เสียงประตูเปิดออก   สารวัตรมอร์ตันนั่นเอง       

           เอาตัวไปได้เลยสารวัตร    อ้อ ระวังกล่องงาในกระเป๋าเสื้อเขาด้วยล่ะ  มันจะฉกเอา   นั่นล่ะ ค่อยๆจับหน่อย”                    โฮล์มส์พูดระคนเริงร่า     นายสมิทสะบัดกุญแจมือที่ไพล่หลังแล้วส่งเสียงฮึดฮัด


           ช่างแสดงนักนะ    โฮล์มส์ !!  แกนั่นแหล่ะที่จะเข้าตะราง  ไม่ใช่ฉัน   นี่สารวัตร   เขาขอร้องให้ผมมาที่นี่เพื่อรักษาเขานะ   เขาคงเพ้อว่าได้พูดอะไรออกไปให้รับกับคำอนุมานของเขานั่นแหละ   มันโกหกชัดๆ  ใครจะไปรู้เห็นว่าฉันพูดอะไร !! ”

           “สวรรค์จริงๆ !!  เกือบลืมนายไปซะนี่   วัตสันของฉัน!!  ออกมาได้แล้วล่ะ   สารวัตรเอาตัวเขาไปที่โรงพักได้แล้ว    อีกสักพักผมจะตามไป”                  สารวัตรพยักหน้าพร้อมลากตัวนายสมิทออกไป   เสียงประตูปิดลง    ผมเดินออกมาหาเขาด้วยท่าทีเคืองนิดหน่อย

          ฉันต้องขอโทษนายสักพันครั้งเห็นจะได้กระมัง  เพื่อนยาก
          นายนี่มันเล่นพิเรนทร์จริงๆนะโฮล์มส์
           “จะหลอกคนอื่นได้ต้องหลอกพวกเดียวกันให้ได้เสียก่อนยังไงล่ะ   ฉันแสร้งทำเป็นป่วยอิดออด ไม่กินข้าวกินน้ำตั้งสามวันเชียวนะ  กว่าจะได้อย่างนี้น่ะ   ยายฮัดสันก็เข้าใจว่าฉันป่วยหนักมากๆ  แล้วก็เข้าทางทีเดียว  ฉันเลยพูดเป็นนัยๆว่าให้ไปตามนายมาน่ะ 
           “ถ้านายไม่โกรธฉัน   ฉันจะดีใจมากเลยวัตสัน     เพราะความเป็นห่วงของนายแบบไม่เสแสร้งน่ะ  มันทำเอาเจ้าสมิทเชื่อได้ดีทีเดียว  พอกับที่มันจะประมาทคิดว่าฉันใกล้ตาย  แล้วก็บอกความจริงกับฉันน่ะ  หึๆ

          “แล้วหน้าตาแกล่ะ   มันเหมือนคนป่วยจริงๆนะ
          “ลำพังแค่อดข้าวปลาน่ะ ก็ได้แค่ผอมจริงมั้ย  ถึงกับไม่มีแรงก็จริงอยู่  แต่ไม่มีอะไรที่เครื่องสำอางทำไม่ได้นี่นะ   ส่วนมารยาตอนป่วยก็เสริมไปสิ    แถไปเรื่องเหรียญบ้าง  ไปหอยนางรมบ้าง  ไปหม้อแปลงบ้าง  มันดูเหมือนฉันจะเพ้อได้ดีทีเดียว

         แล้วไอ้อาการสำออยนั่นน่ะ  ก็ทำให้ฉันเป็นห่วงนายจริงๆนะ
          “ขอโทษ  ขอโทษ  ที่ทำให้เป็นห่วง  ฉันรู้ ฉันรู้
          “แล้วทำไมนายไม่ให้ฉันเข้าใกล้ล่ะ  ในเมื่อมันไม่ได้เป็นโรคติดต่ออะไร
          “ฉันรู้ว่านายมีความรู้เรื่องหมอเยอะกว่าฉันน่ะ วัตสัน  คงจะไม่ดีแน่ที่จะให้คนเก่งเรื่องชีพจรอย่างนายมาใกล้ฉันขนาดตรวจโดยละเอียดหรอกจริงไหม   ไม่งั้นแผนฉันก็พังหมดสิ
          “แล้วเรื่องกล่องล่ะ
          “ฉันถึงต้องดุตะคอกนายไง   นายเล่นสำรวจไปทั่วห้อง  จับนู่นดูนี่   ฉันรู้ว่าเป็นกล่องใส่งูพิษ  ฉันถึงตะคอกไม่ให้นายเปิดมัน   ก็ฉันเป็นห่วงนายนี่นา
          นายมันร้ายกาจจริงๆ  เจ้าโฮล์มส์

          “วัตสันที่รัก   ถ้าไม่ทำเช่นนี้ก็คงไม่รู้ว่ามันคือฆาตกรน่ะสิจริงไหม  เอาเถอะเพื่อเป็นการขอโทษ  ฉันว่าก่อนจะไปที่โรงพัก   เราควรไปหาอะไรกินกันเสียหน่อยเถอะ   สามวันนี่มันทรมานจริงๆ  มื้อนี้ฉันเลี้ยงเอง




++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++




ขอบคุณที่่อ่านจนจบค่ะ  :3

ps.เขียนไว้ตอนม.5-6  มาอ่านอีกทีก็ตลกดี